หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รู้จัก SQL

รู้จักกับภาษา SQL ? 
SQL หรือ Structured Query Language

เป็นภาษาที่ใช้ในการติดต่อกับฐานข้อมูลหรือพูดอีกอย่างก็คือ เป็นภาษาที่ใช้ในการสั่งให้ฐานฐานข้อมูลกระทำการใด ๆ ตามคำสั่งที่เราสั่ง ซึ่งในการติดต่อฐานข้อมูลนั้น ไม่ว่าจะเป็น SQL Server , Microsoft Access , MySQL ,DB2 หรือแม้แต่ Oracle ก็จะต้องใช้คำสั่งภาษา SQL ในการควบคุมทั้งสิ้น

ส่วนใหญ่แล้วการใช้คำสั่ง SQL เพื่อติดต่อฐานข้อมูลนั้น จะใช้โดยหลักคือ 3 กรณี 

1. การเรียกดู
2. การแก้ไข ลบ, เพิ่ม, เปลี่ยนแปลง
3. การสร้างขึ้นใหม่ 

สำหรับตัวอย่างในบทเรียนนี้ สร้าง Table ขึ้นมา 3 Table คือ
1.customer เป็นตารางเก็บข้อมูลลูกค้า
2.audit เป็นตารางเก็บข้อมูลการใช้ยอดเงินลูกค้า
3.country เป็นตารางเก็บข้อมูลประเทศ


Table : Customer

CustomerID
Name
Email
CountryCode
Budget
Used
C001
Win Weerachaiwin.weerachai@thaicreate.com
TH
1000000600000
C002
John Smithjohn.smith@thaicreate.com
EN
2000000800000
C003
Jame Bornjame.born@thaicreate.com
US
3000000600000
C004
Chalee Angelchalee.angel@thaicreate.com
US
4000000100000


Table : audit

AuditID
CustomerID
Date
Used
1
C001
2008-07-01
100000
2
C001
2008-07-05
200000
3
C001
2008-07-10
300000
4
C002
2008-07-02
400000
5
C002
2008-07-07
100000
6
C002
2008-07-15
300000
7
C003
2008-07-20
400000
8
C003
2008-07-25
200000
9
C004
2008-07-04
100000


Table : country

CountryCode
CountryName
TH
Thailand
EN
English
US
United states

SQL SELECT


SQL SELECT

เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับการเรียกดูข้อมูลในตาราง (Table) คำสั่ง SQL SELECT สามารถเรียกได้ทั้งตาราง หรือว่า สามารถระบุฟิวด์ที่ต้องการเรียกดูข้อมูลได้ 

Database : MySQL,Microsoft Access,SQL Server,Oracle

Syntax


SELECT Column1, Column2, Column3,... FROM [Table-Name]


Table : customer
CustomerID
Name
Email
CountryCode
Budget
Used
C001
Win Weerachaiwin.weerachai@thaicreate.com
TH
1000000600000
C002
John Smithjohn.smith@thaicreate.com
EN
2000000800000
C003
Jame Bornjame.born@thaicreate.com
US
3000000600000
C004
Chalee Angelchalee.angel@thaicreate.com
US
4000000100000


Sample1 การเลือกข้อมูลที่ระบุฟิวด์

SELECT CustomerID, Name, Email FROM customer

Output 

CustomerID
Name
Email
C001
Win Weerachaiwin.weerachai@thaicreate.com
C002
John Smithjohn.smith@thaicreate.com
C003
Jame Bornjame.born@thaicreate.com
C004
Chalee Angelchalee.angel@thaicreate.com


Sample2 การเลือกข้อมูลทั้งหมดของ Table 

SELECT * FROM customer

Output 

CustomerID
Name
Email
CountryCode
Budget
Used
C001
Win Weerachaiwin.weerachai@thaicreate.com
TH
1000000600000
C002
John Smithjohn.smith@thaicreate.com
EN
2000000800000
C003
Jame Bornjame.smith@thaicreate.com
US
3000000600000
C004
Chalee Angelchalee.angel@thaicreate.com
US
4000000100000

SQL WHERE

SQL WHERE

เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับการระบุเงื่อนไขการเลือกข้อมูลในตาราง (Table) คำสั่ง SQL WHERE สามารถระบุเงื่อนไขในการเลือกข้อมูลได้ 1 เงื่อนไข หรือมากกว่า 1 เงื่อนไข

Database : MySQL,Microsoft Access,SQL Server,Oracle

Syntax

SELECT Column1, Column2, Column3,... FROM Table-Name WHERE [Field] = 'Value'

Table : customer
CustomerID
Name
Email
CountryCode
Budget
Used
C001
Win Weerachaiwin.weerachai@thaicreate.com
TH
1000000600000
C002
John Smithjohn.smith@thaicreate.com
EN
2000000800000
C003
Jame Bornjame.born@thaicreate.com
US
3000000600000
C004
Chalee Angelchalee.angel@thaicreate.com
US
4000000100000


Sample1 การเลือกข้อมูลโดยใช้ Operators = (เท่ากับ) 

SELECT * FROM customer WHERE CountryCode = 'US'
หรือ แบบ 2 เงื่อนไข ใช้ and เข้ามาเชื่อม วลี
SELECT * FROM customer WHERE CountryCode = 'US' and Budget = '4000000'

Output 

CustomerID
Name
Email
CountryCode
Budget
Used
C003
Jame Bornjame.smith@thaicreate.com
US
3000000600000
C004
Chalee Angelchalee.angel@thaicreate.com
US
4000000100000

CustomerID
Name
Email
CountryCode
Budget
Used
C004
Chalee Angelchalee.angel@thaicreate.com
US
4000000100000

Sample2 การเลือกข้อมูลโดยใช้ Operators != (ไม่เท่ากับ) 

SELECT * FROM customer WHERE CountryCode != 'US'
หรือ แบบ 2 เงื่อนไข ใช้ and เข้ามาเชื่อม วลี
SELECT * FROM customer WHERE CountryCode != 'US' and CountryCode != 'EN'
หรือจะใช้ or
SELECT * FROM customer WHERE CountryCode != 'US' or Budget = '1000000'

Output 

CustomerID
Name
Email
CountryCode
Budget
Used
C001
Win Weerachaiwin.weerachai@thaicreate.com
TH
1000000600000
C002
John Smithjohn.smith@thaicreate.com
EN
2000000800000

CustomerID
Name
Email
CountryCode
Budget
Used
C001
Win Weerachaiwin.weerachai@thaicreate.com
TH
1000000600000

CustomerID
Name
Email
CountryCode
Budget
Used
C001
Win Weerachaiwin.weerachai@thaicreate.com
TH
1000000600000
C002
John Smithjohn.smith@thaicreate.com
EN
2000000800000

SQL ORDER BY

SQL ORDER BY

เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับการระบุเงื่อนไขการเลือกข้อมูลในตาราง (Table) โดยจัดเรียงข้อมูลตามต้องการ

Database : MySQL,Microsoft Access,SQL Server,Oracle

Syntax


SELECT Culumn1,Culumn2,Culumn3,... FROM [Table-Name] ORDER BY [Field] [ASC/DESC],[Field] [ASC/DESC],...
ASC = น้อยไปหามาก
DESC = มากไปหาน้อย

Table : customer
CustomerID
Name
Email
CountryCode
Budget
Used
C001
Win Weerachaiwin.weerachai@thaicreate.com
TH
1000000600000
C002
John Smithjohn.smith@thaicreate.com
EN
2000000800000
C003
Jame Bornjame.born@thaicreate.com
US
3000000600000
C004
Chalee Angelchalee.angel@thaicreate.com
US
4000000100000

Sample1 การเลือกข้อมูลโดยทำการจัดเรียงจาก CustomerID น้อยไปหามาก หรือ มากไปหาน้อย 

SELECT * FROM customer ORDER BY CustomerID ASC
หรือ
SELECT * FROM customer ORDER BY CustomerID DESC
หรือ
SELECT * FROM customer ORDER BY CountryCode DESC,CustomerID ASC

Output 

CustomerID
Name
Email
CountryCode
Budget
Used
C001
Win Weerachaiwin.weerachai@thaicreate.com
TH
1000000600000
C002
John Smithjohn.smith@thaicreate.com
EN
2000000800000
C003
Jame Bornjame.smith@thaicreate.com
US
3000000600000
C004
Chalee Angelchalee.angel@thaicreate.com
US
4000000100000

CustomerID
Name
Email
CountryCode
Budget
Used
C004
Chalee Angelchalee.angel@thaicreate.com
US
4000000100000
C003
Jame Bornjame.smith@thaicreate.com
US
3000000600000
C002
John Smithjohn.smith@thaicreate.com
EN
2000000800000
C001
Win Weerachaiwin.weerachai@thaicreate.com
TH
1000000600000

CustomerID
Name
Email
CountryCode
Budget
Used
C003
Jame Bornjame.smith@thaicreate.com
US
3000000600000
C004
Chalee Angelchalee.angel@thaicreate.com
US
4000000100000
C001
Win Weerachaiwin.weerachai@thaicreate.com
TH
1000000600000
C002
John Smithjohn.smith@thaicreate.com
EN
2000000800000

ขั้นตอนการสร้าง Website

ขั้นตอนการสร้างเว็บไซต์

1. กำหนดเป้าหมายและวางแผนงาน
            1.1  กำหนดเป้าหมายของเว็บไซต์
            1.2  กำหนดกลุ่มผู้ชมเป้าหมาย
            1.3  กำหนดขอบเขตเนื้อหา และรวบรวมข้อมูลเนื้อหา
            1.4  เตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็น
            1.5  เตรียมทักษะและบุคลากร
            1.6  ประมาณการค่าใช้จ่าย

2. เลือก Web hosting และจด Domain name
            2.1  Web hosting คืออะไร
            2.2  หลักการเลือก Web hosing
            2.3  การจด Domain name
            2.4  การตั้งชื่อ Domain name ที่ดี

3. ออกแบบเว็บไซต์
            3.1  การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure Design)
            3.2  การออกแบบระบบเนวิเกชั่น (Site Navigation Design)
            3.3  การออกแบบเว็บเพจ (Page Design)

4. ลงมือสร้างและทดสอบ
            4.1  รูปแบบของเว็บไซต์
            4.2  ภาษาโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์
            4.3  โปรแกรมที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์
            4.4  ลงมือสร้างเว็บไซต์

5. ประชาสัมพันธ์ให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จัก

6. ดูแล และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

โครงสร้าง Website

หลักการออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์มีดังนี้

          1. กำหนดวัตถุประสงค์ โดยพิจารณาว่าเป้าหมายของการสร้างเว็บไซต์นี้ทำเพื่ออะไร
          2. ศึกษาคุณลักษณะของผู้ที่เข้ามาใช้ว่ากลุ่มเป้าหมายใดที่ผู้สร้างต้องการสื่อสาร ข้อมูลอะไรที่พวกเขาต้องการโดยขั้นตอนนี้ควรปฏิบัติควบคู่ไปกับขั้นตอนที่หนึ่ง
          3. วางแผนเกี่ยวกับการจัดรูปแบบโครงสร้างเนื้อหาสาระ การออกแบบเว็บไซต์ต้องมีการจัดโครงสร้างหรือจัดระเบียบข้อมูลที่ชัดเจน การที่เนื้อหามีความต่อเนื่องไปไม่สิ้นสุดหรือกระจายมากเกินไป อาจทำให้เกิดความสับสนต่อผู้ใช้ได้ ฉะนั้นจึงควรออกแบบให้มีลักษณะที่ชัดเจนแยกย่อยออกเป็นส่วนต่าง ๆ จัดหมวดหมู่ในเรื่องที่สัมพันธ์กัน รวมทั้งอาจมีการแสดงให้ผู้ใช้เห็นแผนที่โครงสร้างเพื่อป้องกันความสับสนได้
          4. กำหนดรายละเอียดให้กับโครงสร้าง ซึ่งพิจารณาจากวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยตั้งเกณฑ์ในการใช้ เช่น ผู้ใช้ควรทำอะไรบ้าง จำนวนหน้าควรมีเท่าใด มีการเชื่อมโยง มากน้อยเพียงใด


รูปแบบโครงสร้างเว็บไซต์ 
          การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ ขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อมูลและความชอบของผู้ออกแบบ ตลอดจนกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการนำเสนอ โครงสร้างของเว็บไซต์ประกอบไปด้วย 4 รูปแบบใหญ่ๆ ได้ดังนี้ 
1. โครงสร้างแบบเรียงลำดับ (Sequential Structure)
          เป็นโครงสร้างแบบธรรมดาที่ใช้กันมากที่สุดเนื่องจากง่ายต่อการจัดระบบข้อมูล ข้อมูลที่นิยม จัดด้วยโครงสร้างแบบนี้มักเป็นข้อมูลที่มีลักษณะเป็นเรื่องราวตามลำดับของเวลา เช่น การเรียงลำดับตามตัวอักษร ดรรชนี สารานุกรม หรืออภิธานศัพท์ โครงสร้างแบบนี้ เหมาะกับเว็บไซต์ที่มีขนาดเล็ก เนื้อหาไม่ซับซ้อนใช้การลิงก์ (Link) ไปทีละหน้า ทิศทางของการเข้าสู่เนื้อหา (Navigation) ภายในเว็บจะเป็นการดำเนินเรื่องในลักษณะเส้นตรง โดยมี ปุ่มเดินหน้า-ถอยหลังเป็นเครื่องมือหลักในการกำหนดทิศทาง ข้อเสียของโครงสร้างระบบนี้คือ ผู้ใช้ไม่สามารถกำหนดทิศทางการเข้าสู่เนื้อหาของตนเองได้
 





2. โครงสร้างแบบลำดับขั้น (Hierarchical Structure)
         เป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการจัดระบบโครงสร้างที่มีความซับซ้อนของข้อมูล โดยแบ่งเนื้อหา ออกเป็นส่วนต่างๆ และมีรายละเอียดย่อยๆ ในแต่ละส่วนลดหลั่นกันมาในลักษณะแนวคิดเดียวกับ แผนภูมิองค์กร จึงเป็นการง่ายต่อการทำความเข้าใจกับโครงสร้างของเนื้อหาในเว็บลักษณะนี้ ลักษณะเด่นเฉพาะของ เว็บประเภทนี้คือการมีจุดเริ่มต้นที่จุดร่วมจุดเดียว นั่นคือ โฮมเพจ (Homepage) และเชื่อมโยงไปสู่เนื้อหา ในลักษณะเป็นลำดับจากบนลงล่าง
        


3. โครงสร้างแบบตาราง (Grid Structure) 
         โครงสร้างรูปแบบนี้มีความซับซ้อนมากกว่ารูปแบบที่ผ่านมา การออกแบบเพิ่มความยืดหยุ่น ให้แก่การเข้าสู่เนื้อหาของผู้ใช้ โดยเพิ่มการเชื่อมโยงซึ่งกันและกันระหว่างเนื้อหาแต่ละส่วน เหมาะแก่ การแสดงให้เห็นความสัมพันธ์กันของเนื้อหา การเข้าสู่เนื้อหาของผู้ใช้จะไม่เป็นลักษณะเชิงเส้นตรง เนื่องจากผู้ใช้สามารถเปลี่ยนทิศทางการเข้าสู่เนื้อหาของตนเองได้ เช่น ในการศึกษาข้อมูลประวัติศาสตร์ สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ โดยในแต่ละสมัยแบ่งเป็นหัวข้อย่อยเหมือนกันคือ การปกครอง ศาสนา วัฒนธรรม และภาษา ในขณะที่ผู้ใช้กำลังศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ การปกครองในสมัยอยุธยา ผู้ใช้อาจศึกษาหัวข้อศาสนาเป็นหัวข้อต่อไปก็ได้ หรือจะข้ามไปดูหัวข้อ การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ก่อนก็ได้เพื่อเปรียบเทียบลักษณะข้อมูลที่เกิดขึ้นคนละสมัยกัน












4. โครงสร้างแบบใยแมงมุม (Web Structure)
          โครงสร้างประเภทนี้จะมีความยืดหยุ่นมากที่สุด ทุกหน้าในเว็บสามารถจะเชื่อมโยงไปถึงกัน ได้หมด เป็นการสร้างรูปแบบการเข้าสู่เนื้อหาที่เป็นอิสระ ผู้ใช้สามารถกำหนดวิธีการเข้าสู่เนื้อหาได้ด้วย ตนเอง การเชื่อมโยงเนื้อหาแต่ละหน้าอาศัยการโยงใยข้อความที่มีมโนทัศน์ (Concept) เหมือนกัน ของแต่ละหน้าในลักษณะของไฮเปอร์เท็กซ์หรือไฮเปอร์มีเดีย โครงสร้างลักษณะนี้จัดเป็นรูปแบบที่ ไม่มีโครงสร้างที่แน่นนอนตายตัว (Unstructured) นอกจากนี้การเชื่อมโยงไม่ได้จำกัดเฉพาะเนื้อหา ภายในเว็บนั้นๆ แต่สามารถเชื่อมโยงออกไปสู่เนื้อหาจากเว็บภายนอกได้





โครงสร้างของหน้าเว็บเพจ  
แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ

1. ส่วนหัวของหน้า (Page Header)
เป็นส่วนที่อยู่ตอนบนสุดของหน้า และเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของหน้า เพราะเป็นส่วนที่ดึงดูดผู้ชมให้ติดตามเนื้อหาภายในเว็บไซต์  มักใส่ภาพกราฟิกเพื่อสร้างความประทับใจ  ส่วนใหญ่ประกอบด้วย
- โลโก้ (Logo) เป็นสิ่งที่ควรมี ทำให้เว็บน่าเชื่อถือ
- ชื่อเว็บไซต์
- เมนูหลักหรือลิงค์ (Navigation Bar) เป็นจุดเชื่อมโยงไปสู่เนื้อหาของเว็บไซต์

2.ส่วนของเนื้อหา (Page Body)
เป็นส่วนที่อยู่ตอนกลางของหน้า ใช้แสดงข้อมูลเนื้อหาของเว็บไซต์  ซึ่งประกอบด้วยข้อความตารางข้อมูล ภาพกราฟิก วีดีโอ และอื่นๆ และอาจมีเมนูหลัก หรือเมนูเฉพาะกลุ่ม
สำหรับส่วนเนื้อหาควรแสดงใจความสำคัญที่เป็นหัวเรื่องไว้บนสุด ข้อมูลมีความกระชับ ใช้รูปแบบตัวอักษรที่อ่านง่าย และจัด Layout ให้เหมาะสมและเป็นระเบียบ

3. ส่วนท้ายของหน้า (Page Footer)
เป็นส่วนที่อยู่ด้านล่างสุดของหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้  มักวางระบบนำทางที่เป็นลิงค์ข้อความง่าย ๆ และอาจแสดงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาภายในเว็บไซต์ เช่น เจ้าของเว็บไซต์ข้อความแสดงลิขสิทธิ์วิธีการติดต่อกับผู้ดูแลเว็บไซต์คำแนะนำการใช้เว็บไซต์

ตัวอย่าง แสดงส่วนประกอบของหน้าเว็บเพจ (trendypet.com)